Tuesday, September 17, 2013

Growth Theory : Solow Growth model


ทฤษฎีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของ Solow (Solow Growth Model)
            สาระสำคัญของ Solow Growth Model คือ ปัจจัยที่มีส่วนในการพัฒนาทางเศรษฐกิจนอกจากการสะสมทุนแล้ว ยังมีการออมและจำนวนประชากรที่เพิ่ม(Population Growth)ก็มีส่วนด้วย กล่าวคือเมื่อการสะสมทุนมาถึงระดับหนึ่งแล้ว จะเข้าสู่ Steady State ดังนั้นจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นก็จะไปสนับสนุนการสร้างผลผลิตมวลรวมของประเทศได้ และ Solow ยังกล่าวต่อว่า หากจะพัฒนาเศรษฐกิจต่อได้ต้องพัฒนาเทคโนโลยี (Technological Progress) แต่ Solow Growth Model ยังกำหนดให้ปัจจัยนี้เป็น Exogenous Variable
                                                Y=f(A,K,L)                                       
โดยที่ Y= ผลผลิตโดยรวม
         A=ความก้าวหน้าเทคโนโลยี(Technological Progress)
         K= ปัจจัยทุน(ทุนกายภาพ)
         L=ปัจจัยแรงงาน(ทุนมนุษย์)
           
โดยมีข้อสมมติพื้นฐานของแบบจำลองคือ เป็น Cobb-Douglas function มีผลได้ต่อขนาดคงที่ (Constant Return to scale) จากปริมาณแรงงานเป็นสัดส่วนกับทุน และ A เป็นปัจจัยที่กำหนดจากภายนอกซึ่งคงที่ในระยะสั้น ซึ่งมีผลต่อโมเดลด้วย หมายความว่าหากปัจจัยทุนเท่าเดิม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีจะสามารถจะทำให้ประเทศสามารถผลิตสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นได้
จากสมมติติฐานดังกล่าวที่ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่คงที่ในระยะสั้น และปริมาณแรงงานก็เป็นสัดส่วน ของการลงทุน ดังนั้นโมเดลการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ Solow จึงขึ้นกับปัจจัยทุนเป็นหลัก โดยการลงทุนในปัจจัยทุนจะเพิ่มหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าประเทศนั้นมีการออมมากเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นเราจะได้ข้อสรุปจาก Solow Growth Model ดังนี้
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจะขึ้นอยู่กับการออมและการลงทุนในปัจจัยทุนเป็นสำคัญ โดยหากประเทศมีการออมมากและมีการนำเงินออมมาใช้ในการลงทุน เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ก็จะทำให้มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศที่มีการออมและการลงทุนต่ำ และ Solow ยังชี้ให้เห็น Convergence per Capita income hypothesis ที่ว่าประเทศยากจนสามารถเจริญเติบโตทันประเทศที่พัฒนาแล้วได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม เนื่องจากทรัพยากรที่จำกัด


No comments:

Post a Comment